ซื้อรถยนต์มือสอง ต้องดูอะไรบ้าง
อัพเดทล่าสุด: 27 ต.ค. 2025
16 ผู้เข้าชม


ตรวจสภาพรถยนต์
- วิธีแรกที่ต้องทำในการดูรถมือสอง คือ สังเกตตัวรถตอนที่ยังจอดนิ่งบนพื้นราบ รถมือสองที่ดีจะต้องไม่เอียงไปข้างใดข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าเอียงแสดงว่าช่วงล่างอาจมีปัญหาอีกอย่างคือตัวถังต้องไม่มีรอยบุบ ช่องไฟระหว่างประตูก็ต้องเท่ากันด้วย หากไม่เท่าแสดงว่ารถคันนี้เคยถอดออกมาซ่อม
2. ช่วงล่าง
- ขั้นแรกให้ลองใช้มือกดที่มุมหนึ่งของรถเพื่อดูว่าโช้คคืนตัวไวไหม อาจจะขอลองขับด้วยก็ได้ เพราะจะได้รู้ว่าเวลาเลี้ยวเป็นยังไง มีเสียงดังออกมาหรือเปล่า เบรกแล้วมีเสียงแปลก ๆ หรือไม่ ขึ้นลูกระนาดกระแทกแรงแค่ไหน
3. เกียร์
- วิธีดูเกียร์รถมือสอง ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ให้ลองให้เกียร์ D ดูว่ารถเคลื่อนที่ปกติไหม ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาให้ลองขับให้ครบทุกเกียร์ ถ้าเป็นรถมือสองที่ดีเกียร์ต้องไม่กระตุกหรือมีเสียงหอน
4. สีรถ
- วิธีดูสีของรถมือสอง จำให้ขึ้นใจว่าเนื้อสีต้องมีความสม่ำเสมอ ไม่มีการเยิ้ม ไม่เป็นรอยย่นหรือเป็นคลื่น ไม่มีสีเข้มแค่จุดใดจุดหนึ่ง หากแยกไม่ออกให้ลองใช้มือเคาะตัวรถเบา ๆ ถ้ารถที่ผ่านการทำสีมาใหม่เสียงจะทึบ ๆ หน่อย แต่ถ้าไม่เคยทำสีมาก่อนเสียงจะโปร่ง ๆ
5. น็อตทุกจุด
- จุดที่พลาดไม่ได้ในการดูรถมือสอง คือ นอต ถ้าไม่มีรอยหมุนออกหรือเคยถูกถอดแสดงว่ารถมือสองคันนี้ไม่เคยถูกซ่อมมาก่อน จึงมั่นใจได้ว่ารถไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหรือเคยชน
6. เครื่องยนต์ และแบตเตอรี่
- การเช็กเครื่องยนต์รถมือสอง ให้ลองฟังเสียงตอนสตาร์ตเครื่องว่าผิดปกติไหม มีกลิ่นไหม้หรือเปล่า เกจ์วัดรอบสวิงไปมาหรือไม่ สายพานที่ห้องเครื่องหย่อนไหม มีขี้เกลือขึ้นที่ขั้วแบตเตอรี่หรือเปล่า
อย่าลืมตรวจสอบของเหลวและแบตเตอรี่ โดยของเหลวจะต้องไม่มีการรั่วซึมและอยู่ในระดับที่พอดี ไม่สูงหรือไม่ต่ำจนเกินไป ที่สำคัญคือต้องสีใส ไม่ดำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือน้ำมันเบรกก็ตาม อีกอย่างคือน้ำในหม้อน้ำจะต้องเต็มหรืออยู่ในระดับ FULL ตลอดเวลา
- ส่วนแบตเตอรี่ให้เช็กว่าเสื่อมหรือเปล่า โดยให้เช็กจากการที่เราบิดกุญแจเพื่อสตาร์ตรถ จะมีเสียงแชะนานขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนรถจะสตาร์ตติด หรือบางครั้งรถสตาร์ตไม่ติดถ้าเกิดอาการเช่นนี้แสดงว่าแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ให้ทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยด่วน
7. ตะเข็บที่คาน แก้มข้าง ขอบประตู และท้ายรถ
- การดูตะเข็บของรถมือสอง จุดแรกให้ดูที่คาน จะอยู่ที่ด้านหน้าของรถ โดยให้เปิดฝากระโปรงขึ้นมาก่อน แล้วสังเกตหัวนอตว่ามีร่องรอยของการถอดไหม สีใหม่ผิดปกติหรือเปล่า
- แก้มข้าง จะต้องมีรอยนูนที่เท่ากันทุกจุด ถ้าจุดไหนหายไปแสดงว่ารถเคยผ่านการซ่อมมาแล้ว และที่สำคัญคือตำแหน่งฝั่งซ้ายและขวาต้องตรงกันด้วย
- ตะเข็บท้ายรถและขอบประตู (ดึงยางที่ขอบประตูออก) ให้เราดูที่รอยนูนว่ามีเท่ากันไหม รอยอาร์ค (รอยบุ๋มกลม ๆ ) ทั้ง 4 ประตูว่ามีครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบแสดงว่าอาจจะซ่อมเพราะเคยชนมา
ตรวจสอบการใช้งาน
1. แอร์ พวงมาลัย และอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ
- ก่อนซื้อรถมือสองอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์และส่วนประกอบภายในรถ แอร์ต้องเย็น ไม่มีกลิ่นเหม็น พวงมาลัยหมุนแล้วไม่ฝืดหรือค้าง ระบบล็อกรถ ปุ่มปรับ/เลื่อนกระจกทำงานได้ดี กลิ่นภายในห้องโดยสารต้องไม่อับ บริเวณพรมต้องไม่มีเชื้อราขึ้น ถ้ามีแสดงว่าเคยลุยน้ำท่วมมา
2. เลขตัวถังและเล่มทะเบียนรถ
- สิ่งที่ทำให้รู้ว่ารถมือสองคันนี้ถูกโจรกรรมมาหรือไม่ มีการตัดต่อตกแต่งอะไรมาหรือเปล่า ให้เราดูที่เลขตัวถังของรถ ต้องชัดเจน ไม่มีร่องรอยการแก้ไข และตรงกับเล่มทะเบียนรถ แนะนำให้ตรวจสอบชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ รายการภาษี และรายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ด้วย จะได้รู้ประวัติรถว่ามีความเป็นมาอย่างไร
3. เลขไมล์
- รู้หรือไม่ว่าเลขไมล์หลอกกันได้! เพราะบางทีเขารับกรอเลขไมล์รถก่อนนำมาขายเป็นมือสองด้วย วิธีเช็กง่าย ๆ คือ ถ้ารถที่ใช้งานมาประมาณสัก 1 ปี เลขไมล์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 20,000 - 30,000 กิโลเมตร จึงเป็นไปได้น้อยที่รถผ่านการใช้งานมา 5-6 ปีจะมีเลขไมล์อยู่ที่ 50,000 - 60,000 กิโลเมตร แต่ไม่ได้หมายความว่ารถมือสองจะแอบกรอไมล์ทุกคัน เพราะเจ้าของบางคนก็จอดไว้มากกว่าขับ จึงไม่แปลกที่เลขไมล์จะน้อยนั่นเอง
4. ระบบไฟรถ
- ดูให้ครบว่าติดทุกดวง ไม่มีดวงไหนขาด อย่าลืมเช็กไฟหรี่ว่าติดทั้งสองข้างหรือไม่ รวมถึงไฟเลี้ยวและไฟฉุกเฉินด้วย เพราะเป็นไฟที่สำคัญในการขับขี่มาก
เช็คเบี้ย ประกันภัยรถยนต์
- ง่าย สะดวก รวดเร็ว
- ผ่อน 0%
- มีให้เลือกมากกว่า 20 บริษัทประกันภัยชั้นนำ
- เบี้ยถูกใจ เลือกได้ตามที่คุณต้องการ
สนใจประกันหรือสอบถามเบี้ย ได้ที่ INBOX
สอบถามเพิ่มเติม https://lin.ee/xsvLJIQ
#SIA #siainsurancebroker #broker #ประกัน #เช็คเบี้ยออนไลน์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.aprtech.co.th
บทความที่เกี่ยวข้อง
หลายคนเข้าใจว่า “รถชนท้าย” ฝ่ายที่ชนมักจะเป็นคนผิดเสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าความจริงแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกกรณี! การตัดสินว่าใครผิดต้องดูจากหลายปัจจัย เช่น ระยะห่าง ความเร็ว การเปลี่ยนเลน หรือแม้แต่พฤติกรรมของคนขับคันหน้า มาดูกันว่ากรณีไหนบ้างที่ “คนชนท้าย” อาจไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเสมอไป
รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมจากคนไทย โดยเฉพาะคนเมืองที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใช้แล้วประหยัด แต่ถ้าจะต้องเดินทางไกลข้ามจังหวัดประมาณ 250 กิโลเมตรเป็นต้นไป ก็ต้องวางแผนการเดินทางกันสักหน่อย
รู้หรือไม่? แค่ “น้ำหยดเล็ก ๆ” ซึมเข้ารถ ก็อาจสร้างความเสียหายมากมายโดยไม่รู้ตัว! โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนหรือหลังขับรถลุยน้ำท่วม หลายคนอาจเริ่มสังเกตว่าภายในรถ “ชื้นแฉะ มีกลิ่นอับ” บางครั้งถึงขั้นระบบไฟรวน หรือเครื่องยนต์มีปัญหา ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเกิดขึ้นเพียงแค่เพราะว่า “น้ำซึมเข้ารถ”


